ปัจจุบันเตาไฟฟ้าในท้องตลาด มีทั้งหมดกี่แบบ ?

เตาไฟฟ้า

หลายๆ ท่านที่อ่านบทความนี้ อาจผ่านมาหลายยุคหลายสมัยแล้วกับเตาไฟฟ้า แต่สำหรับคนรุ่นใหม่อาจไม่ทราบมาก่อนว่า เตาไฟฟ้านั้นได้ถือกำเนิดขึ้นมานานมากแล้ว และกว่าจะมาเป็นเตาไฟฟ้าที่คุณใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ได้เปลี่ยนมากี่ระบบแล้วก็ไม่รู้ ดังนั้น บทความนี้เราจะมาพูดถึงเตาไฟฟ้ากัน ว่าในปัจจุบันเตาไฟฟ้าในท้องตลาด มีทั้งหมดกี่แบบ ?

ปัจจุบันเตาไฟฟ้าในท้องตลาด มีทั้งหมดกี่แบบ ?

  • เตาไฟฟ้าแบบที่ 1 : เตาไฟฟ้าประเภทเพลทร้อน (Hot Plate) เป็นเตาไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ซึ่งภายในประกอบด้วยขดลวดเป็นตัวทำความร้อน เนื่องจากความร้อนที่เกิดขึ้นต้องผ่านตัวกลางหลายตัว ตั้งแต่ทำให้ขดลวดร้อน แล้วส่งผ่านความร้อนมายังเซรามิคสู่ก้นหม้อแล้วความร้อนค่อยมาถึงอาหาร ส่งผลให้การปรับความร้อนขึ้นลงทำได้ค่อนข้างช้า อีกทั้งทำให้กินไฟค่อนข้างมาก ข้อดี คือ เตาไฟฟ้าชนิดนี้ราคาถูก มักแถมมากับห้องครัวของโครงการคอนโดฯ ข้อเสีย คือ กินไฟค่อนข้างมาก และยังต้องระวังในช่วงที่ใช้งานเสร็จเรียบร้อย หากเผลอเปิดไว้อาจทำให้เกิดอันตรายทั้งการสัมผัสและอาจเกิดอัคคีภัยเมื่อมีวัตถุไวไฟอยู่ใกล้ๆ
  • เตาไฟฟ้าแบบที่ 2 : เตาไฟฟ้าประเภทเซรามิก (Ceramic hob) เป็นเตารุ่นถัดมาจากเตาไฟฟ้าเพลทร้อน รูปร่างหน้าตาสวยงามเหมือนเตาแม่เหล็กไฟฟ้า แต่หลักการทำงานคล้ายกับเตาไฟฟ้าเพลทร้อน โดยความร้อนจะเกิดจากแหล่งกำเนิดส่งผ่านมายังกระจกเซรามิกด้านบน ขึ้นไปสู่หม้อหรือเครื่องครัวด้านบนจะเป็นกระจกเซรามิกที่ทนความร้อนและรับแรงกระแทกได้สูง ภายในมีตัวทำความร้อนหลายชนิด เช่น ขดลวดไฟฟ้า หลอดอินฟาเรด โดยขณะใช้งานเตาชนิดนี้จะมีสีแดงขึ้นในบริเวณที่เกิดความร้อน ข้อดี คือ ราคาไม่สูงมาก มีสีแดงขึ้นบริเวณที่เกิดความร้อน สามารถเตือนให้ระวังความร้อนได้ ข้อเสีย คือ ในกรณีที่ความร้อนยังหลงเหลือ หากสัมผัสโดนอาจได้รับบาดเจ็บได้

และเตาไฟฟ้าแบบที่ 3 หรือแบบสุดท้าย คือ เตาไฟฟ้าประเภทแม่เหล็กไฟฟ้า (Induction) นั่นเอง โดยเตาไฟฟ้าประเภทแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นเตาไฟฟ้าชนิดล่าสุด ซึ่งเตาแม่เหล็กไฟฟ้านี้จะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายเตาไฟฟ้าเซรามิก ใช้หลักการของการเหนี่ยวนำไฟฟ้าให้เกิดความร้อน โดยใช้ขดลวดกำเนิดสนามแม่เหล็ก เมื่อสนามแม่เหล็กตัดกับโลหะจะเกิดความร้อน เมื่อนำภาชนะประเภทที่เหนี่ยวนำไฟฟ้าได้ เช่น เหล็กหรือเหล็กสเตนเลสบางชนิดมาวางจะเกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าขึ้น ทำให้เกิดความร้อน โดยจะมีการสูญเสียความร้อนให้สภาพแวดล้อมน้อยมากเมื่อเทียบกับเตาชนิดอื่นๆ ทั้งยังส่งผลให้ประหยัดไฟที่สุดในหมู่เตาไฟฟ้า